i18n คืออะไร คู่มือทำเว็บหลายภาษาสำหรับนักพัฒนาเว็บปี 2025

i18n คืออะไร คู่มือทำเว็บหลายภาษาสำหรับนักพัฒนาเว็บปี 2025

Dev Developer | .., 2 ธันวาคม 2568

i18n คืออะไร ทำเว็บรองรับหลายภาษาอย่างมืออาชีพ

i18n คืออะไร

i18n ย่อมาจากคำว่า Internationalization หมายถึงกระบวนการออกแบบและพัฒนา เว็บไซต์หรือซอฟต์แวร์ให้รองรับได้หลายภาษา โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดทุกครั้งที่ต้องการเพิ่มภาษาใหม่ แต่ใช้วิธีแยกข้อความ คำอธิบาย ป้ายเมนู และเนื้อหาต่างๆ ออกจากโค้ดโปรแกรมไปไว้ในไฟล์ภาษาแทน

การทำ i18n จึงเป็นพื้นฐานสำคัญของเว็บไซต์ยุคใหม่ที่ต้องการให้ผู้ใช้งานจากหลายประเทศสามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ในภาษาของตนเอง เช่น เว็บไซต์บริษัท เว็บบริการออนไลน์ เว็บแอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์ม SaaS ต่างๆ

ที่มาของคำว่า i18n ทำไมต้องมีเลข 18 ตรงกลาง

คำว่า Internationalization มีตัวอักษรทั้งหมด 20 ตัว โดยมีตัวแรกคือ i และตัวสุดท้ายคือ n ส่วนตัวอักษรระหว่างกลางมีทั้งหมด 18 ตัว จึงถูกย่อให้กลายเป็นรูปแบบ i18n (อ่านว่า ไอ-เอธทีน-เอ็น)

รูปแบบการย่อคำแบบนี้นิยมใช้ในสายงานไอที เช่น

  • i18n = Internationalization (การรองรับหลายภาษา)
  • l10n = Localization (การปรับเนื้อหาให้เข้ากับท้องถิ่น)
  • g11n = Globalization (การออกแบบให้รองรับการใช้งานระดับโลก)

ความแตกต่างระหว่าง i18n และ l10n

หลายคนมักสับสนระหว่างคำว่า i18n และ l10n ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้เกี่ยวข้องกันแต่คนละขั้นตอน

  • i18n (Internationalization) คือ การออกแบบโครงสร้างระบบและโค้ดให้รองรับหลายภาษา เช่น การแยกข้อความออกจากโค้ด รองรับฟอนต์หลายภาษาหรือหลายสคริปต์ การจัดการรูปแบบวันที่ เวลา และสกุลเงิน
  • l10n (Localization) คือ การนำระบบที่รองรับหลายภาษาอยู่แล้ว มาปรับให้ตรงกับ วัฒนธรรมและบริบทของแต่ละประเทศ เช่น การใช้รูปแบบวันที่แบบไทย พ.ศ. การแสดงราคาเป็นสกุลเงินบาท หรือการใช้ตัวอย่างเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับผู้ใช้ในประเทศนั้น

สรุปง่ายๆ คือ i18n คือการเตรียมระบบ ส่วน l10n คือการลงรายละเอียดให้เหมาะกับแต่ละพื้นที่

ทำไมเว็บไซต์ยุคใหม่ต้องรองรับ i18n

การทำเว็บไซต์รองรับหลายภาษาไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโดยตรง โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ต้องการเติบโตสู่ระดับสากล จุดเด่นหลักของการใช้ i18n ได้แก่

  • เข้าถึงผู้ใช้งานได้มากขึ้น รองรับผู้ใช้จากหลายประเทศ หลายภูมิภาค เพิ่มโอกาสขยายตลาด
  • แยกเนื้อหาออกจากโค้ด ทำให้นักพัฒนาโฟกัสที่โค้ด นักแปลโฟกัสที่ภาษา ลดความเสี่ยงจากการแก้โค้ดผิดจุด
  • จัดการภาษาได้เป็นระบบ เพิ่มภาษา ลบภาษา หรือแก้ไขคำแปลได้จากไฟล์หรือระบบจัดการภาษาเพียงจุดเดียว
  • รองรับรูปแบบตามท้องถิ่น เช่น วันที่ เวลา สกุลเงิน รูปแบบตัวเลข หรือรูปแบบการเขียนที่ต่างกัน
  • ช่วยเรื่อง SEO ระหว่างประเทศ เว็บไซต์หลายภาษาที่จัดโครงสร้างดีจะมีโอกาสติดอันดับค้นหาในประเทศต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

แนวทางการออกแบบระบบ i18n ที่ดี

หากต้องการออกแบบระบบให้รองรับ i18n อย่างมืออาชีพ ควรพิจารณาแนวทางต่อไปนี้

  • แยกข้อความทั้งหมดออกจากโค้ด ไม่เขียนข้อความภาษาในไฟล์โค้ดตรงๆ แต่เก็บในไฟล์ภาษา เช่น JSON, YAML, หรือฐานข้อมูล
  • ใช้ key แทนข้อความจริง เช่น "HOME_TITLE" แทนการเขียน "หน้าหลัก" หรือ "Home" ในโค้ด
  • รองรับตัวแปรในข้อความ เช่น ชื่อผู้ใช้ จำนวนสินค้า หรือค่าตัวเลขอื่นๆ
  • รองรับการจัดเรียงคำที่ต่างกันในแต่ละภาษา โดยใช้ placeholder หรือฟังก์ชันจัดรูปแบบข้อความ
  • เตรียมรองรับภาษาเขียนจากขวาไปซ้าย เช่น ภาษาอาหรับ หรือภาษาฮีบรู หากมีแผนรองรับในอนาคต

ตัวอย่างโครงสร้างไฟล์ภาษาแบบ i18n

ตัวอย่างการเก็บข้อความในรูปแบบไฟล์ JSON แยกตามภาษา เช่น ภาษาอังกฤษและภาษาไทย

ไฟล์ภาษาอังกฤษ en.json

{
  "hello": "Hello",
  "welcome": "Welcome to our website",
  "login_button": "Log in",
  "register_button": "Sign up"
}

ไฟล์ภาษาไทย th.json

{
  "hello": "สวัสดี",
  "welcome": "ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ของเรา",
  "login_button": "เข้าสู่ระบบ",
  "register_button": "สมัครสมาชิก"
}

จากนั้นในโค้ด ไม่ว่าจะใช้เฟรมเวิร์กใด เช่น Vue React หรือ Next.js มักจะเรียกข้อความด้วยฟังก์ชันคล้ายๆ กัน เช่น

t("hello")
t("welcome")
t("login_button")

ระบบ i18n จะทำการเลือกข้อความจากไฟล์ภาษาที่ผู้ใช้ตั้งค่าไว้โดยอัตโนมัติ เช่น หากเลือกภาษาไทย ก็จะแสดงเป็น “สวัสดี” แทน “Hello”

ตัวอย่างการใช้งาน i18n ในเฟรมเวิร์กยอดนิยม

ในโลกของการพัฒนาเว็บสมัยใหม่ มีไลบรารีและปลั๊กอินสำหรับ i18n ให้เลือกใช้มากมาย ตัวอย่างเช่น

  • Vue I18n สำหรับโปรเจกต์ที่ใช้ Vue.js
  • React i18next สำหรับโปรเจกต์ที่ใช้ React
  • Next.js i18n สำหรับเว็บที่ใช้ Next.js และรองรับการแยกภาษาในระดับหน้าเพจ
  • Nuxt i18n สำหรับผู้ที่ใช้ Nuxt ในฝั่ง Vue

แต่ละเครื่องมือจะมีวิธีตั้งค่าและใช้งานแตกต่างกันเล็กน้อย แต่หลักคิดพื้นฐานยังเหมือนกันคือ แยกข้อความออกจากโค้ด และเลือกใช้ตามภาษาของผู้ใช้

สิ่งที่ควรระวังเมื่อทำ i18n

แม้การทำ i18n จะช่วยให้เว็บไซต์รองรับหลายภาษาได้ดีขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังที่มักพบเจอ เช่น

  • การลืมแยกข้อความบางส่วน เช่น ข้อความในปุ่มเล็กๆ ข้อความแจ้งเตือน หรือข้อความ error ที่ยังฝังอยู่ในโค้ด
  • การใช้ key ไม่เป็นระบบ เช่น ใช้ key สั้นๆ ที่ไม่บอกความหมาย ทำให้จัดการยากในระยะยาว
  • การจัดรูปแบบวันที่และเวลา ที่ไม่รองรับ Timezone หรือรูปแบบของประเทศต่างๆ
  • การตัดคำในภาษาไทย ที่อาจต้องใช้ไลบรารีช่วยหรือตรวจสอบการแสดงผลจริงบนหน้าเว็บ

สรุป i18n สำหรับนักพัฒนาเว็บ

i18n คือเครื่องมือและแนวคิดในการทำให้เว็บไซต์รองรับหลายภาษาได้อย่างยืดหยุ่น โดยอาศัยการแยกข้อความออกจากโค้ด จัดเก็บไว้ในไฟล์ภาษา และใช้ฟังก์ชันดึงข้อความตามภาษาที่กำหนด หากคุณกำลังพัฒนาเว็บไซต์ที่มีเป้าหมายผู้ใช้มากกว่าหนึ่งประเทศ การวางโครงสร้าง i18n ตั้งแต่แรกเริ่มจะช่วยประหยัดเวลา ลดความซ้ำซ้อน และรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคตได้เป็นอย่างดี

แชร์:

สอบถามได้ที่ Line, Topvery Cloud IDC

เมื่อคุณเจอบัญชีนั้น, คลิก "เพิ่มเพื่อน" หรือ "ติดตาม" เปิดแอป LINE บนอุปกรณ์ของคุณ ไปที่แท็บ เพื่อน ที่มุมล่างขวา กดที่ไอคอน เพิ่มเพื่อน ที่อยู่บนขวามือ ในหน้าต่างที่ปรากฏขึ้น, คุณสามารถค้นหาบัญชี LINE Official ที่ต้องการด้วยชื่อ เมื่อคุณเจอบัญชีนั้น, คลิก เพิ่มเพื่อน หรือ ติดตาม


แอดไลน์ ID @topvery
แอดไลน์ ID @topvery คลิก..?